สัทธรรมปุณฑริกสูตร

หนังสือสัทธรรมปุณฑริกสูตร ฉบับภาษาไทย
ใ
นช่วงระยะเวลา 8 ปีสุดท้ายแห่งพระชนม์ชีพของพระศากยมุนีพุทธะ พระองค์ได้เทศนาสัทธรรมปุณฑริกสูตร โดยอุทิศชีวิตของพระองค์เพื่อการสอนมนุษย์ให้รู้วิถีทางที่จะขจัดความทุกข์ยากในชีวิตนี้ ซึ่งเป็นคำสอนที่เป็นเจตนาที่สุดของพระองค์
สัทธรรมปุณฑริกสูตรสอนถึง 2 หลักการใหญ่ที่สำคัญ คือ
- ชีวิตของเรานั้นเป็นนิรันดร์
- ทุกคนมีสภาพชีวิตพุทธะที่สูงส่งเท่าเทียมกันและสามารถทำให้ปรากฏออกมาได้
ในบรรดาคำสอนของพุทธศาสนา สัทธรรมปุณฑริกสูตรเผยแผ่ออกไปอย่างกว้างขวางและจับใจประชาชนได้มากที่สุด เป็นข้อพิสูจน์ถึงความลึกซึ้งของพระสูตร มีสาระสำคัญทางศาสนาครบถ้วน มีพลัง อีกทั้งยังนำเสนอให้เข้าใจได้ง่าย
พระศากยมุนีพุทธะ พระพุทธะในประวัติศาสตร์ทรงค้นพบว่ามี “จักรวาลภายใน” ที่กว้างใหญ่อยู่ในพระวรกายของพระองค์เอง ในการนี้พระองค์ทรงก้าวข้ามตัวตนชีวิตภายใน และแผ่ขยายตัวตนชีวิตนี้ออกไป จนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับจักรวาลภายนอกที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งก็คือพลังชีวิตของจักรวาล ที่พระองค์ทรงตรัสรู้ว่าคือธรรมะหรือกฎของชีวิต
เมื่อพระศากยมุนีพุทธะทรงตรัสรู้แล้ว ปัญญาและความเมตตากรุณาของพระองค์มุ่งไปที่การช่วยให้ประชาชนหลุดพ้นจากความทุกข์. สิ่งนี้ปรากฏให้เห็นอยู่ในคัมภีร์ทางพุทธศาสนาจำนวนมากที่ประดับประวัติศาสตร์ของพุทธศาสนา. ในบรรดาคัมภีร์เหล่านี้ โดยเฉพาะสัทธรรมปุณฑริกสูตรแสดงให้เห็นถึงความพยายามในการแสดงธรรมะที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ออกมาอย่างเป็นรูปธรรม และเป็นพระสูตรที่ผู้คนในซีกโลกตะวันออกยึดถืออย่างแพร่หลาย
เพื่อช่วยให้เกิดความเข้าใจระหว่างอารยธรรมตะวันออกกับตะวันตก อาจารย์ไดซาขุ อิเคดะได้พิเคราะห์คุณลักษณะของสัทธรรมปุณฑริกสูตร ภายใต้ 3 หัวข้อดังต่อไปนี้
- การอยู่ร่วมกันของชีวิตทุกรูปแบบ
- การแสวงหาความเป็นนิรันดร์
- การเคลื่อนไหวเพื่อสร้างสันติภาพ
1. การอยู่ร่วมกันของชีวิตทุกรูปแบบ
นัยแห่งทัศนะนี้มีอยู่เป็นครั้งแรกใน “บทกุศโลบาย” (บทที่ 2) ของสัทธรรมปุณฑริกสูตร. ในบทนี้ พระพุทธองค์ทรงเปิดเผยจุดมุ่งหมายที่ทรงปรากฏขึ้นมาในโลกนี้ โดยตรัสถึง “เหตุปัจจัยที่เป็นเรื่องยิ่งใหญ่อันดับหนึ่ง” คือเพื่อ “เปิดประตู” พุทธปัญญา “ชี้” พุทธปัญญา ทำให้ประชาชน “รู้แจ้ง” พุทธปัญญา และ “เข้าสู่” พุทธปัญญา. พุทธปัญญาที่กล่าวถึงในที่นี้ก็คือ ปัญญาที่มีพร้อมอยู่ในพลังชีวิตของจักรวาลและส่องแสงออกมา ตามที่พระจื้ออี๋หรือพระเทียนไท้แห่งประเทศจีนกล่าวว่า คือความหมายเดียวกับคำว่าธรรมชาติพุทธะ.
ในสัทธรรมปุณฑริกสูตรกล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า บุคคลที่ตามความเชื่อเดิมถือว่ามีลักษณะพื้นฐานชีวิตต่ำ – ซึ่งโดยทั่วไป ตัวแทนตามความเชื่อเดิมนี้คือทวิยานแห่งสาวกและปัจเจกพุทธะ (ผู้ตื่นรู้ด้วยตนเอง) และสตรี – แท้จริงแล้ว บุคคลเหล่านี้ทั้งหมดมีพร้อมพุทธปัญญาที่เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของพวกเขา. ดังนั้น จึงไม่เกี่ยวกับเชื้อชาติ เพศ อาชีพ หรือวัฒนธรรม เพราะธรรมชาติพุทธะมีพร้อมอยู่ในชีวิตของทุกคน และด้วยการตื่นรู้นี้ ประชาชนทุกคนก็จะสามารถเดินไปบนหนทางสู่ความสุขได้. ความจริงที่ว่า ไม่ว่าจะเป็นประชาชนประเภทใดล้วนเป็นมนุษย์ที่มีพร้อมความสามารถที่จะดำเนินชีวิตอย่างเต็มที่ที่สุดได้ – นี่คือสิ่งที่สร้างวัฒนธรรมโลกของการอยู่ร่วมกันและความกลมเกลียวให้เป็นจริงได้.
ใน “บทการเปรียบเทียบเรื่องยาสมุนไพร” (บทที่ 5) ของสัทธรรมปุณฑริกสูตร แนวคิดของการอยู่ร่วมกันและความกลมเกลียวนี้ถูกแสดงให้เห็นผ่านแนวคิดเรื่องการอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียวของสมุนไพร 3 ชนิดและต้นไม้ 2 ชนิด. สมุนไพรและต้นไม้ทั้งหมดเหล่านี้ต่างกันทั้งความสูงและรูปร่าง แต่เมื่อฝนตก ทั้งหมดต่างก็ดูดซับสิ่งที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโต ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการเฉพาะของพรรณไม้แต่ละชนิด. ท้องฟ้าและฝนที่ตกลงมาคืออาหารหล่อเลี้ยงพลังชีวิตของจักรวาล ซึ่งก็คือคำสอนของพระพุทธะ อันเป็นอาหารหล่อเลี้ยงสิ่งมีชีวิตนับล้าน ๆ ทั่วจักรวาล
2.การแสวงหาความเป็นนิรันดร์
ตอนหนึ่งของสัทธรรมปุณฑริกสูตรนั้น เริ่มต้นด้วยการปรากฏออกมาของหอรัตนะที่เป็นหัวข้อของบทที่ 11 ซึ่งมีชื่อตามนั้น. ในบทนี้ หอรัตนะอันยิ่งใหญ่โผล่ขึ้นมาจากพื้นโลก และพระประภูตรัตนพุทธะ จากอดีตที่ประทับอยู่ในหอรัตนะ ทรงเป็นผู้ให้การรับรองว่า สิ่งที่พระศากยมุนีพุทธะกำลังเทศนาทั้งหมดล้วนถูกต้อง
จากนั้น ใน “บทการปรากฏขึ้นมาจากพื้นโลก” (บทที่ 15) พื้นดินได้เปิดออกอีกครั้ง หมู่โพธิสัตว์จำนวนมากมายได้ปรากฏขึ้นมาและทำความเคารพต่อที่ประชุมเทศนาสัทธรรมปุณฑริกสูตร พระเมตไตรยโพธิสัตว์เป็นตัวแทนในที่ประชุมถามว่า ผู้คนเหล่านี้ทั้งหมดคือใคร. ในบทต่อมา คือ “บทการหยั่งอายุกาลของพระตถาคต” (บทที่ 16) พระศากยมุนีพุทธะทรงตอบคำถามของพระเมตไตรยโพธิสัตว์ โดยตรัสเกี่ยวกับพระพุทธะนิรันดร์ และให้ความกระจ่างว่าสถานะที่แท้จริงของพระองค์คือพระพุทธะที่ทรงรู้แจ้งตั้งแต่สมัยกาลนาน
พระพุทธะนิรันดร์คือพระพุทธะที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับธรรมะนิรันดร์ เป็นพระพุทธะผู้ซึ่งแสดงให้เห็นถึงจังหวะพื้นฐานของจักรวาล. “บทการหยั่งอายุกาลฯ” เปิดเผยการดำรงอยู่ตลอดกาลของพระพุทธะนิรันดร์ ที่ปรากฏขึ้นมาในโลกที่เราอาศัยอยู่ เพื่อช่วยเหลือสรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์ ทั้งที่พระพุทธะเป็นผู้ที่หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด
3.การเคลื่อนไหวเพื่อสร้างสันติภาพ
สัทธรรมปุณฑริกสูตรได้เปิดเผยเรื่องการเคลื่อนไหวเพื่อสันติภาพในรูปของโพธิสัตว์ทั้งหลายที่โลดแล่นขึ้นมาจากพื้นโลก อันเป็นการแสดงถึงพลังชีวิตนิรันดร์ของจักรวาล และโพธิสัตว์อื่น ๆ ที่อธิบายอยู่ในบทท้าย ๆ ของสัทธรรมปุณฑริกสูตร. บทเหล่านี้บรรยายถึงพระไภษัชยราชโพธิสัตว์ ผู้เชี่ยวชาญด้านยาและการเยียวยาชีวิต พระคัทคัทสวรโพธิสัตว์ ผู้เป็นสัญลักษณ์การรังสรรค์ด้านศิลปะ เช่น ดนตรี พระสมันตภัทรโพธิสัตว์ ผู้แสดงคุณสมบัติของการเรียนรู้และความคิด และโพธิสัตว์ที่รู้จักกันในนาม พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ เป็นผู้ที่คอยรับฟังปัญหาและความกังวลใจของประชากรโลก โดยรีบรุดไปช่วยเหลือและทำให้ประชาชนเกิดความกล้าหาญและปราศจากความกลัว.
ที่น่าสนใจเป็นพิเศษอันเนื่องจากกิจกรรมด้านสันติภาพของเขาคือ โพธิสัตว์องค์หนึ่งที่รู้จักกันในนามพระสทาปริภูตโพธิสัตว์. ชื่อนี้มาจากคำกล่าวที่ท่านกล่าวกับผู้คนเสมอว่า “ข้าพเจ้ามีความเคารพพวกท่านอย่างลึกซึ้ง ข้าพเจ้าไม่กล้าที่จะปฏิบัติต่อพวกท่านด้วยการดูถูกเหยียดหยามหรือความจองหอง” การปฏิบัติเช่นนี้แสดงถึงทัศนะที่ท่านมีต่อผู้คนทั้งหลาย. กล่าวคือเป็นการแสดงความเคารพธรรมชาติพุทธะภายในชีวิตของพวกเขา. สัทธรรมปุณฑริกสูตรกล่าวว่า ท่านจะโค้งคำนับด้วยความเคารพแก่พวกเขาทุกคน ซึ่งเป็นวิธีแสดงความเคารพต่อคุณค่าและคุณธรรมที่มีพร้อมอยู่ในชีวิตของผู้คน.
ด้วยวิธีนี้ สัทธรรมปุณฑริกสูตรสอนว่า ธรรมชาติพุทธะมีพร้อมอยู่ในปวงสรรพสัตว์และสามารถแสดงออกมาในความเป็นจริง. บนพื้นฐานของความเท่าเทียมกันที่มีอยู่ภายในชีวิตของมนุษย์ทุกคน จึงทำให้แนวคิดของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสามารถพัฒนาให้เกิดขึ้นได้. จากการเทศนาเรื่องพระพุทธะนิรันดร์และธรรมะนิรันดร์ว่าเป็นพลังชีวิตของจักรวาล สัทธรรมปุณฑริกสูตรสอนถึงวิธีที่พลเมืองโลกจะสามารถมีส่วนร่วมในการสร้างสันติภาพโลกได้ โดยแสดงเป็นเชิงสัญลักษณ์ด้วยคุณสมบัติพิเศษและการทำหน้าที่ของโพธิสัตว์ทั้งหลายที่ปรากฏในพระสูตรนี้