ชีวิตที่ปลอดภัยจากเหตุการณ์ความไม่สงบ

ผมศรัทธามาตั้งแต่สมัยเด็กโดยสวดมนต์ เช้า – เย็นได้ตั้งแต่อยู่มัธยมศึกษาชั้นปีที่ 1 ต่อมาคุณพ่อประสบอุบัติเหตุขับรถหลับใน รถตกลงข้างทางพลิกคว่ำหงายท้อง ครอบครัวของผมไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ระหว่างทางทุกคนก็สวดมนต์มาตลอด เมื่อกลับถึงบ้านก็เปิดตู้โงะฮนซนทันทีเพื่อสวดมนต์ขอขอบคุณต่อโงะฮนซนและเทพธรรมบาล ที่ช่วยเหลือพวกเรา แม้ชาวบ้านแถวนั้นเราก็ไม่รู้จักแต่มีจิตใจที่ช่วยเหลือ เปรียบเหมือนเทพธรรมบาลคอยช่วยเหลือครอบครัวของผมจากหนักให้เป็นเบา

ช่วงวัยทำงานอยู่บริษัทเอกชน 1 ปี ก็สามารถซื้อรถจักรยานยนต์ด้วยเงินสดได้ 1 คันใช้ทำงานระบบการ ออกร่วมประชุมและเยี่ยมสมาชิก โดยช่วงนั้นก็สอบทำงานราชการได้บรรจุที่ องค์การบริหารส่วนตำบลตลิ่งชัน อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา ตำแหน่งนักบริหารงานช่าง ทำงานอยู่ 3 ปี ก็โอนย้ายมาบรรจุที่เทศบาลตำบลคอกช้าง อำเภอธารโต จังหวัด ยะลา ต้องมาพักค้างคืนที่นี้เนื่องจากการเดินทางไกล และได้ออกร่วมประชุมสวดมนต์พิเศษทุกวันพุธเวลา หนึ่งทุ่ม ได้รู้จักบ้านสมาชิกผู้ใหญ่ จนถึงปี พ.ศ. 2548 เลื่อนการปะชุมจากกลางคืนเป็นกลางวันแทน

ช่วงนั้นผมศึกษาต่อระดับปริญญาตรี (เสาร์ -อาทิตย์) มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา สาขาการพัฒนาชุมชน และต่อด้วยสาขาครุศาสตร์ อุตสาหกรรมโยธาที่สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตสงขลา ซึ่งต้องต่อสู้เรื่องการเรียนเป็นอย่างมาก ในช่วงนั้นจะเรียนจบที่แรกเดือน เมษายน และเริ่มเรียนต่อที่สองในสาขาครุศาสตร์โยธาในเดือนเดียวกัน ด้วยอานุภาพ โงะฮนซนจึงสามารถเรียนจบได้ปริญญาตรี 2 หลักสูตรนี้ได้โดยใช้เวลาเพียง 5 ปี ซึ่งปกติจะต้องใช้เวลาเรียน 6 ปี

ช่วงเวลานั้นผมเข้าร่วมประชุมเผยแผ่ธรรมเยี่ยมสมาชิกตามปกติโดยไม่ขาด ในช่วงเกิดเหตุการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็เช่นเดียวกันไม่ว่าสถานการณ์เป็นเช่นไร ผมก็ยังคงร่วมทำกิจกรรมเพื่อการเผยแผ่ธรรมไพศาลอยู่เป็นประจำ ในช่วงกลางปี พ.ศ. 2549 ผมได้ขอย้ายกลับมาทำงานที่เทศบาลตำบลนาประดู่ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัด ปัตตานี ซึ่งการเดินทางไปทำงานสะดวกขึ้น ใช้ระยะทาง 25 กิโลเมตร หลังจากที่ผมย้ายที่ทำงานเส้นทางที่ผมต้องเดินทางไป- กลับทุกวันก็เกิดเหตุการณ์ที่ผู้ก่อความไม่สงบปิดถนน และเกิดเหตุการณ์ยิงทำร้ายเจ้าหน้าที่ราชการถี่มาก ตั้งแต่จนเกิดเหตุการณ์จนถึงปัจจุบัน คนงานเทศบาลถูกลอบทำร้ายไป 6 ครั้ง เสียชีวิต 4 คน ซึ่งผมต้องสวดไดโมขุเพิ่มขึ้นทุกวัน อธิษฐานให้สามารถเดินทาง ไป – กลับทุกวัน โดยที่ปลอดภัยจากเหตุการณ์ความไม่สงบนี้และมีความสุขกับการทำงาน

รายการประชุมรวมยุวชนชาย “รวมพลังคนรุ่นใหม่ หัวใจรักสันติภาพ”

ปี พ.ศ. 2554 ยุวชนชายรวมภาคใต้ 2 ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ได้ตั้งเป้าหมายประชุมรวมยุวชนชายปลายปี 600 คน ซึ่งก่อนถึงวันประชุม ผมและเพื่อนยุวชนชายทุกคนช่วยกันต่อสู้โดยมีชัยชนะแล้วมีชัยชนะอีกในการจัดประชุมแต่ละสัปดาห์ จนในที่สุดสามารถจัดประชุมรวมยุวชนชายปลายปี ได้กว่า 1,400 คน

เดือนกันยายน พ.ศ. 2555 ผมได้มีโอกาสเดินทางเป็น 1 ใน 8 ตัวแทนยุวชนประเทศไทยไปร่วมฝึกอบรมยุวชนโลก ณ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีที่ได้แลกเปลี่ยนกับยุวชนจากทั่วโลก 250 คนจาก 50 ประเทศ ซึ่งทำให้ได้รับกำลังใจกลับมาต่อสู้อย่างมากมาย จากประสบการณ์ของเพื่อนยุวชนจากทวีปแอฟริกาซึ่งยากลำบากกว่าประเทศไทยหลายเท่า แต่ทุกคนต่างต่อสู้อย่างไม่ยอมพ่ายแพ้อย่างเด็ดเดี่ยว โดยเพียรพยายามในการพิสูจน์ให้สิ่งที่อาจารย์ไดซาขุ อิเคดะได้ประกาศว่า ทวีปแอฟริกาเป็นทวีปแห่งความหวังให้เป็นความจริงให้ได้ ดังนั้น นับจากนี้ต่อไป ผมก็จะตั้งใจเช่นเดียวว่า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะต้องเปลี่ยนแปลงเป็นดินแดนแห่งสันติภาพได้เช่นกัน สมาชิกเอสจีไอทั้ง 192 ประเทศเขตแคว้นก็รอชัยชนะจากประเทศไทยเช่นกัน ปัจจุบันครอบครัวมีความสุขและความปลอดภัยก็เพราะการศรัทธาอย่างต่อเนื่องและสวดมนต์อย่างเอาจริงเอาจังมาโดยตลอดต่อเนื่องมา 23 ปี ผมเชื่อว่าทุกคนสามารถประสบความสำเร็จได้ อยู่ที่การลงมือปฏิบัติและอยู่ที่การปฏิวัติชีวิตของเราเอง ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน สู้ ๆ ครับ

ยศพร เหล่าณัฐวุฒิกุล
นราธิวาส, ประเทศไทย

วารสารสู่ความสุข