ใช้ชีวิตในวัยยุวชนอย่างมีคุณค่า

สมัยผมยังเป็นเด็กนั้น ครอบครัวของเราซึ่งมีคุณพ่อคุณแม่ และน้องอีก 4 คน มีอาชีพขายเหล็กรูปพรรณ น๊อต และปะยางรถสิบล้อ แต่แล้วอาชีพนี้ก็ต้องหยุดชะงักลง วัสดุอุปกรณ์ในร้านถูกยึดไปหมด เนื่องจากมีหนี้สิน คุณพ่อต้องเปลี่ยนอาชีพมาขายปาท่องโก๋แทนเพื่อเลี้ยงดูครอบครัว พอถึงเวลาจ่ายค่าเทอมลูก ๆ  คุณแม่ต้องขอผ่อนผันชำระกับทางโรงเรียนเป็นงวด ๆ ผมเป็นลูกคนโต เมื่อกลับจากโรงเรียนทุกวันคุณแม่จะทำขนมไว้ให้ผมเดินไปขายที่ตลาด เพื่อเป็นรายได้สำหรับใช้จ่ายในบ้าน

ตอนผมเรียนชั้น ม.1 ในปี พ.ศ. 2530 ได้เกิดไฟไหม้บ้าน สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่เอาออกมาได้คือ รถเข็นขายปาท่องโก๋และจักรเย็บผ้าเท่านั้น ส่วนผมก็เอากระเป๋าหนังสือเรียนและพาน้อง ๆ วิ่งหนีไฟออกมา หลังจากนั้นก็ปลูกบ้านหลังเล็ก ๆ อาศัยอยู่กับญาติ

ปี พ.ศ. 2532 ขณะนั้นผมอายุ 16 ปี ก็ได้รู้จักกับพุทธธรรมของพระนิชิเร็นไดโชนินโดยการแนะนำของสมาชิกผู้ใหญ่หญิงท่านหนึ่งแถวบ้านผม ผมเริ่มสวดนัมเมียวโฮเร็งเงเคียวเป็นคนแรกของครอบครัว สิ่งที่ผมอยากอธิษฐานต่อโงะฮนซนในเวลานั้นก็คือ ความสุขของครอบครัว การเรียน และการค้าขายของครอบครัว

ช่วงที่เรียนอยู่ที่วิทยาลัยเทคนิคชลบุรี ตอนเช้าผมต้องไปช่วยขายปาท่องโก๋ที่ตลาดก่อน บ้างครั้งคุณพ่อไม่สบาย ผมก็ต้องช่วยคุณแม่เข็นรถไปขายตั้งแต่ตี 3  ขายหมดแล้วก็รีบเข็นรถกลับบ้านพร้อมคุณแม่ เนื่องจากรถเข็นนั้นคันใหญ่และหนัก คุณแม่คนเดียวคงจะไม่ไหว บางวันจึงทำให้เข้าเรียนวิชาแรกไม่ทัน อาจารย์ไม่อนุญาตให้เข้าห้องเรียน จึงต้องนั่งเรียนอยู่ที่ระเบียงด้านหน้าห้องและคอยฟังเสียงที่อาจารย์สอน เวลาสอบก็ทำข้อสอบไม่ค่อยได้ จนกระทั่งเช้าวันหนึ่ง อาจารย์ได้ไปซื้อของที่ตลาดและเห็นผมขายปาท่องโก๋อยู่ ผมรีบยกมือสวัสดีอาจารย์ อาจารย์ก็ยิ้มทักทายด้วย เมื่ออาจารย์ทราบแล้วว่า ที่ผมมาเข้าเรียนไม่ทันเพราะต้องช่วยทางบ้านขายของ หลังจากนั้นก็อนุญาตให้ผมเข้าห้องเรียนได้แม้จะมาสาย

วันหนึ่ง ผู้อาวุโสผู้ใหญ่หญิงชาวญี่ปุ่นได้มาเยี่ยมผมที่บ้าน ท่านแนะนำผมให้อธิษฐานต่อโงะฮนซนว่า ขอให้ทำปาท่องโก๋มีรสชาติอร่อย และขายดีเป็นอันดับหนึ่งของอำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี และให้ลูกค้าทุกคนกินแล้วมีสุขภาพดีด้วย ปัจจุบันปาท่องโก๋ของร้านเราขายดีมาก เป็นอันดับหนึ่งของอำเภอบ้านบึงจริง ๆ และเป็นที่รู้จักกันทั่ว

ในปี พ.ศ. 2533 ผมได้อ่านพบประสบการณ์ของผู้ศรัทธาคนหนึ่งในวารสารสร้างคุณค่า เขาสามารถอธิษฐานขอให้มีบ้านหลังใหม่ได้ ผมจึงเริ่มอธิษฐานเรื่องบ้านหลังใหม่ของครอบครัวเราดูบ้าง สวดมนต์อธิษฐานประมาณ 3 เดือน  เจ้าของที่ดินแปลงที่พวกเราและญาติ ๆ ของเราอาศัยอยู่หลายสิบปีก็มาบอกว่า เขาจะขายที่ดินแปลงนี้ให้คนอื่น ขอให้ครอบครัวเราย้ายไปอยู่ที่อื่น  ให้เวลา 3 เดือน ผมจึงสวดมนต์มากขึ้นเฉลี่ยวันละ 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมงเท่าที่จะทำได้ และผมก็ได้แนะนำให้คุณพ่อคุณแม่สวดมนต์ด้วย

ในที่สุดคุณพ่อคุณแม่ก็ได้นั่งลงสวดมนต์พร้อมกันเป็นครั้งแรก และอธิษฐานเรื่องนี้ต่อโงะฮนซน ผลก็คือ ครอบครัวของเราสามารถซื้อที่ดินได้แปลงหนึ่ง ไม่ไกลจากบ้านเดิม โดยญาติของคุณพ่อให้ยืมเงินสดซื้อ ผ่อนชำระตามที่เรามีและไม่คิดดอกเบี้ย สรุปว่าครอบครัวของเราสามารถปลูกบ้านหลังใหม่ได้สำเร็จ ด้วยการนำโฉนดที่ดินเข้าธนาคารเอาเงินมาใช้จ่ายในการก่อสร้าง และนำวัสดุของบ้านหลังเดิมมาใช้ด้วย บ้านหลังนี้พวกเราได้อาศัยอยู่ร่วมกันมา 16 ปีแล้ว และใช้เป็นสถานที่จัดประชุมได้อย่างสบาย ๆ ด้วย

เมื่อเรียนจบ ปวส.ช่างก่อสร้าง ขณะนั้นอายุ 19 ปี ผมและเพื่อน ๆ ได้ไปสอบต่อปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพฯ แต่ผมสอบไม่ติด จึงตัดสินใจทำงานเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระทางบ้านที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ทำเกี่ยวกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ได้รับเงินเดือน 5,000 บาท ผมได้แบ่งเงินส่วนหนึ่งให้คุณแม่เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัว

ต่อมาในเดือนมกราคม ปี 2537 ผมขอรับโงะฮนซนด้วยตัวผมเองที่สมาคมฯ สำนักงานใหญ่ ผมชวนคุณแม่ไปรับด้วยกัน ผมทำงานที่บริษัทนี้ 5 ปีบางครั้งก็มีปัญหาบ้าง ไปทำงานไม่ทันก็มี แต่ก็พยายามปรับปรุงและสำรวจตัวเองเสมอ โดยยึดธรรมนิพนธ์และคำชี้นำของอาจารย์อิเคดะ เป็นแนวทางการทำงานมาโดยตลอด

คุณภูริภาคย์ ภุชงควาริน กับครอบครัว

ปี 2541 ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงชีวิตของผมอีกครั้งหนึ่ง คือผมได้รับความเมตตาจากสมาคมฯ พิจารณาให้เข้ามาทำงานเป็นพนักงานของสมาคม และมีโอกาสได้เดินทางไปร่วมประชุมฝึกอบรมยุวชนโลกเอสจีไอที่ประเทศญี่ปุ่น ผมได้ต่อสู้ในการสวดมนต์ไดโมขุอย่างมากมาย และได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากคุณแม่และทุกคนในครอบครัวรวมทั้งกำลังใจจากรุ่นพี่และเพื่อนสมาชิกอย่างมากมาย

หลังจากกลับมาจากฝึกอบรมยุวชนโลก ผมก็ได้รับมอบหมายจากสมาคมฯ ให้เดินทางไปช่วยควบคุมดูแลการก่อสร้างอาคารสมาคมฯ หลายแห่ง เช่น ที่อำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส  ที่จังหวัดลำปาง  และที่จังหวัดอุดรธานี  ปัจจุบันก็ได้ทำงานอยู่ที่สมาคมฯ สำนักงานใหญ่(ถ.ติวานนท์) และร่วมต่อสู้อยู่ในระบบการของฝ่ายยุวชน

การที่ผมมีโอกาสได้นำความรู้ที่ร่ำเรียนมา ไปช่วยทำงานในการควบคุมดูแลการก่อสร้างอาคารสมาคมฯ ในแต่ละแห่งนั้น ถือเป็นความเมตตาของโงะฮนซนอย่างมากทีเดียว และเป็นสิ่งที่มีค่าอย่างยิ่งในชีวิตของผม ที่มีโอกาสได้เรียนรู้ความยากลำบากในการต่อสู้ของเพื่อน ๆ สมาชิก  ได้เรียนรู้ความเป็นอยู่ของผู้คนในท้องถิ่นต่าง ๆ  มีโอกาสได้รู้จักและสร้างมิตรภาพกับผู้คนในแต่ละท้องถิ่น ซึ่งหาไม่ได้ง่าย ๆ

อาจารย์อิเคดะกล่าวว่า “ยิ่งพยายามมากเพียงไรในสมัยยุวชน หรือยิ่งต่อสู้มากมายเพียงไร สิ่งเหล่านี้ทั้งหมด ก็จะยิ่งกลายเป็นรากฐานให้กับชีวิตของตัวเราเอง และกลายเป็นพื้นฐานของชีวิตที่ยิ่งใหญ่” เป็นคำชี้นำที่ผมยึดเป็นกำลังใจในการต่อสู้กับปัญหาและความทุกข์มาโดยตลอด

ผมขอขอบคุณต่อโงะฮนซน อาจารย์อิเคดะ สมาคมสร้างคุณค่าฯ เพื่อน ๆ สมาชิกทุกท่าน และทุกคนในครอบครัวเป็นอย่างมาก ที่ทำให้ผมสามารถมีโอกาสใช้ชีวิตในวัยยุวชนอย่างมีคุณค่าเพื่อการเผยแผ่ธรรมไพศาล และขอเป็นกำลังใจให้กับสมาชิกทุก ๆ ท่านที่กำลังต่อสู้กับเรื่องต่าง ๆ อยู่ในขณะนี้ ให้สามารถได้รับชัยชนะที่ยิ่งใหญ่เพื่อการเผยแผ่ธรรมไพศาลตลอดไปครับ

ภูริภาคย์ ภุชงควาริน
นนทบุรี, ประเทศไทย

วารสารสู่ความสุข